หูฟังจากทาง Sennheiser ในรุ่น Momentum 4 Wireless
เป็นหูฟังรุ่นที่ 4 ในซีรีย์ Momentum ครับ โดยในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ และยังมีระบบตัดเสียงรบกวนและไมโครโฟนประสิทธิภาพสูงเช่นเคยครับ
การออกแบบ
ในส่วนของการออกแบบนั้น Sennheiser Momentum 4 Wireless เป็นหูฟังไร้สายชนิด full size ที่มาพร้อมกับ earcup ขนาดใหญ่ เมื่อสวมใส่จะครอบไปทั้งใบหู ซึ่งจะมีจุดเด่นคือความสบายในการใช้งาน และการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก ดีไซน์ของรุ่น Momentum 4 Wireless นั้นจะออกแบบใหม่ แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า โดยจะมาในสีโทนเดียวกันทั้งตัว ไม่ได้ใช้ก้านแบบโลหะแล้ว มีให้เลือก 2 สีคือสีดำและสีขาว ที่ก้านหูฟังและฟองน้ำหุ้มด้วยหนังเทียม โดยภายในชุดจะมาพร้อมกับเคสสำหรับพกพา
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- Sennheiser Momentum 4 Wireless
- เคสสำหรับจัดเก็บและพกพา
- สาย USB-C
- สายหูฟัง
- คู่มือการใช้งาน
- อแดปเตอร์สำหรับใช้งานบนเครื่องบิน
การใช้งาน
ในส่วนของการใช้งานนั้น Sennheiser Momentum 4 Wireless จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องสูงสุดถึง 60 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับระดับเสียงและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ใช้อยู่) โดยหากแบตเตอรี่หมด สามารถชาร์จเป็นระยะเวลาสั้นๆเพียง 10 นาที ก็จะใช้งานได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมงด้วยกัน
ภายในของ Sennheiser Momentum 4 Wireless จะใช้ชุดไดร์เวอร์ขนาด 42 มม. ออกแบบเสียงตามสไตล์ของ Sennheiser Signature Sound โดยสามารถปรับแต่ง EQ ผ่านทางแอปได้อีกด้วย
Sennheiser Momentum 4 Wireless มีระบบตัดเสียงรบกวน Adaptive Noise Cancellation ที่จะทำงานร่วมกับตัวฟองน้ำหุ้มหนังเทียม ช่วยกันเสียงรบกวนจากภายนอก และระบบ ANC จะทำการตัดเสียงรบกวนอีกชั้นหนึ่ง โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเปิด-ปิดการใช้งาน รวมไปถึงโหมด Transparency Mode ที่จะเป็นการดูดเสียงจากภายนอกเข้ามาในหูฟังทำให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยินเสียงรอบๆตัวได้โดยที่ไม่ต้องถอดหูฟังออกเลยครับ
หูฟัง Sennheiser Momentum 4 Wireless มาพร้อมกับระบบ Smart Pause ที่จะทำการหยุดเล่นเพลงเมื่อเราถอดหูฟังออก และเล่นเพลงต่อเมื่อเราสวมหูฟังกลับเข้าไป และฟังก์ชั่น Auto On/Off จะทำการเปิดใช้งานหูฟังอยากรวดเร็วเมื่อเราหยิบหูฟังขึ้นมาเพื่อใช้งาน และปิดเมื่อไม่ได้ใช้งาน
ไมโครโฟนของ Sennheiser Momentum 4 Wireless จะมีทั้งหมด 4 ตัว โดยทำงานในส่วนของการตัดเสียงรบกวนทั้งระหว่างการฟัง และการพูดคุยโทรศัพท์
Sennheiser Momentum 4 Wireless รองรับการปรับแต่งฟังก์ชั่นต่างๆผ่านทางแอป Sennheiser Smart Control ซึ่งสามารถเลือกปรับแต่งได้ทั้ง EQ, sound mode, และ Sound Personalization ที่จะเป็นการปรับแต่งแนวเสียงตามลักษณะการฟังของผู้ใช้งาน
สรุปเกี่ยวกับหูฟังไร้สาย Sennheiser Momentum 4 Wireless
โดยรวมแล้วหูฟังไร้สาย Sennheiser Momentum 4 Wireless เป็นหูฟังไร้สายที่ดีไซน์ใหม่ แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า แต่ยังคงความโดดเด่นในเรื่องของคุณภาพเสียง ระบบตัดเสียงรบกวน และฟีเตอร์การใช้งานต่างๆที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างยิ่งครับ
อุปกรณ์ภายในกล่อง
เดินทางมาถึงใน Generation 4th กันแล้วสำหรับ Momentum 4 ที่ในครั้งนี้มาพร้อมดีไซน์ใหม่หมดจดพร้อมมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมทางด้านเสียงดนตรีและการสวมใส่ให้กับผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างเลื่อนอ่านรีวิวด้านล่างได้ทันทีหรือจะคลิกที่รูปก็ได้เช่นกันจ้า
Premium Look & Feel
ดีไซน์ของรุ่นนี้มีความ Premium และ Minimal มากขึ้นให้ความรู้สึกที่ดูเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยความหรูหราทำให้ตัว Momentum 4 นั้นดูน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังคำนึงถึงการสวมใส่ให้สบายศีรษะตลอดการใช้งานด้วยลักษณะการออกแบบในสไตล์ "Low-Friction Hinge Mechanism" ที่ช่วยลดแรงกดทับทั้งบริเวณศีรษะและใบหู ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานระยะสั้นไม่กี่นาทีหรือระยะยาวหลายชั่วโมงก็ตาม
Headband
นั้นออกแบบมาใหม่โดยที่ด้านบนนั้นจะหุ้มด้วยผ้าเพิ่ม Texture การสัมผัส และ ผสานกับดีไซน์แบบ Minimal ได้อย่างลงตัว บริเวณด้านล่างที่ต้องสัมผัสกับศีรษะนั้นได้เพิ่มฟองน้ำที่ทั้งหนาและนุ่มนิ่มเพื่อลดแรงกดทับจึงช่วยให้สวมใส่ได้สบายมากกว่าเดิม
Earpads
ฟองน้ำครอบใบหูนั้นมีความหนาและนุ่มเป็นพิเศษช่วยกระจายแรงกดทับได้อย่างน่าทึ่งพร้อมให้คุณใช้งานต่อเรื่องได้อย่างยาวนานตามที่ต้องการเลยล่ะครับ
ใช้งานได้ทั้งมีสายและไร้สาย
Momentum 4 นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างหลากหลายตามความเหมาะสมของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบเบสิคอย่าง Bluetooth และ AUX หรือจะเป็นการใช้งานที่จริงจังมากยิ่งขึ้นอย่างการเชื่อมต่อด้วยสาย USB เข้ากับ Computer ก็สามารถทำได้เช่นกันครั
Beamforming Microphone
ระบบ ANC และ Transparency ของ Momentum 4 นั้นทาง Sennheiser เลือกใส่ไมโครโฟนแบบ Beamforming มาที่ตัวหูฟังข้างละ 2 ตัวด้วยกัน ช่วยให้การตัดเสียงภายนอกนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง
โดยในส่วนของ ANC นั้นเป็นระบบ Adaptive ที่สามารถปรับระดับการตัดเสียงรบกวนให้เราตามมลภาวะทางเสียงในบริเวณที่เราใช้งานอยู่โดยยอัตโนมัติครับ นอกจากนี้ยังช่วยให้การสนทนานั้นมีการโฟกัสเสียงพูดไปยังปลายสายได้อย่างชัดเจนเนื้อเสียงใหญ่เต็มและไม่ถูกบิดเบือนครับ
Sennheiser Smart Control
ภายในตัวแอปลิเคชันนั้นสามารถปรับแต่งเสียงเพิ่มเติมได้โดยจะเป็น EQ ให้เลือกทั้งหมด 3 ย่านเสียงทั้ง Bass, Mid, Treble ครับ ในส่วนของการตัดเสียงรบกวนจะเลือกแบบ Adaptive หรือจะปรับระดับเองก็สามารถทำได้เช่นกัน
ภายในแอปลิเคชันยังมีให้เลือกปรับ Side Tone ได้ เพื่อให้เราสามารถได้ยินเสียงตัวเองเวลาคุยโทรศัพท์จะได้เช็คเสียงพูดตัวเองได้ว่าเราพูดดังหรือเบาเกินไปหรือไม่ รวมถึงการอัปเดตเฟิร์มแวร์ใหม่ ๆ ก็สามารถทำผ่านแอปลิเคชันนี้ได้ทันทีครับ
High-Quality Sound By Sennheiser
เสียงของ Momentum 4 นั้นยังคงเอกลักษณ์ของโทนเสียงในสไตล์ของ Sennheiser เช่นเคยนั่นก็คือโทนเสียงที่มีความอบอุ่นและมีเนื้อเสียงที่หนานุ่มไม่มีติดบาง แต่จะมีการยกระดับเรื่องของเวทีเสียงให้กว้างขวางมากกว่าแต่ก่อน แจกแจงเสียงดนตรีทางด้านซ้ายและขวาได้ดีมีระยะห่างมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มมิติของเสียงให้รายรอบหัวมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเจน
เสียงเบสนั้นตอบสนองได้ไวมีครบทั้งแรงปะทะและเนื้อเบสที่เต็มอิ่มและมาเป็นลูกขนาดใหญ่ทิ้งตัวได้ดีเยี่ยม ทางด้านเสียงนักร้องนั้นให้เนื้อเสียงที่ลอยมาแบบเต็มปากเต็มคำเก็บรายละเอียดได้ดีความอุ่นปานกลางและติดหวานนิด ๆ ครับ
ส่วนย่านเสียงสูงหรือเสียงแหลมนั้นจะมีความสว่างไสวที่มากกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องเพ่งเลยล่ะครับแต่ทว่าแหลมของรุ่นนี้ถือว่าเป็นเสียงที่ฟังง่ายความคมหรือความสดใสนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะพอดีทำให้ฟังแล้วมีความครบเครื่องมากกว่าเดิมอีกพอตัวเลยทีเดียวครับ
สรุป
โดยรวมแล้วถือว่า Momentum 4 นั้นมีความเป็นหูฟัง Lifestyle มากขึ้นกว่ารุ่นที่ผ่าน ๆ มา ในเรื่องการสวมใส่ที่ถูกใส่ใจมากเป็นพิเศษช่วยให้เราสามารถใช้งานหูฟังรุ่นนี้ได้นานหลายชั่วโมง การดีไซน์รูปลักษณ์มาใหม่ให้เรียบหรูยิ่งขึ้นก็ช่วยให้ดูน่าใช้งานกว่าเดิมมาก ส่วนเรื่องเสียงและฟีเจอร์ต่าง ๆ นั้นทำออกมาได้ดีและเพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวันเลยล่ะครับ
สำหรับเจ้า Momentum 4 นั้นจะมีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Black และ White สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 12,990 บาทเท่านั้นครับ ท่านใดที่สนใจสามารถคลิกสั่งซื้อได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับหรือจะแวะเข้ามาที่ร้านมั่นคงเพื่อทดสอบด้วยตัวเองก่อนก็ได้เช่นกันครับ